เรียกได้ว่าเป็นเหมือนยานพาหนะที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินชีวิตของคนเราเลยก็ว่าได้ สำหรับ รถยนต์ เพราะไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง การประกอบอาชีพต่าง ๆ หรือการขนย้ายสิ่งของ การมีรถยนต์ใช้ก็เป็นสิ่งที่จะช่วยให้ทำได้สะดวกสบายมากขึ้น ประหยัดเวลามากขึ้นอีกด้วย
แน่นอนว่า เมื่อมีรถยนต์ ก็ต้องมีประกันรถยนต์ เพราะปริมาณผู้ใช้รถใช้ถนนที่มากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ความเสี่ยงจากการใช้รถยนต์มีมากขึ้น ซึ่งความคุ้มครองจากประกันภัยรถยนต์นั้นก็จะช่วยดูแความเสี่ยงในส่วนนี้ให้ ด้วยความคุ้มครองที่หลากหลาย เพื่อเป็นทางเลือกที่จะตอบโจทย์ผู้ขับขี่ยานยนต์แต่ละคน
ปัจจุบันนี้ก็มีบริษัทผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ประกันภัยเป็นจำนวนมาก บางคนอาจยังสับสนว่าจะเลือกจากอะไรเพื่อให้ได้แบบประกันภัยที่ถูกใจที่สุด ลองมาอ่านบทความนี้กัน
อยากซื้อประกันรถยนต์ต้องดูอะไรบ้าง?
เลือกจากประเภทของประกันรถยนต์
นอกจากประกันรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ที่รถยนต์ต้องทำทุกคันแล้ว ก็ยังมีประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ที่จะเพิ่มความคุ้มครองในด้านต่าง ๆ ให้ครอบคลุมความเสี่ยงของรถยนต์ในยุคปัจจุบัน และมีวงเงินชดเชยในจำนวนที่มากขึ้น โดยจะมีทั้งประกันชั้น 1, ชั้น 2 และชั้น 3 ซึ่งความคุ้มครองและค่าเบี้ยประกันภัยก็จะมีทั้งสูงมาก ไปจนถึงน้อย ทั้งนี้ ต้องลองศึกษาขอบเขตความคุ้มครองของประกันรถยนต์แต่ละประเภท และค่อยๆ เช็คเบี้ยประกันว่าสามารถรับภาระค่าใช้จ่ายไหวหรือไม่
วงเงินเอาประกันภัย
จำนวนเงินเอาประกันภัย หมายถึง จำนวนเงินสูงสุดที่ทางบริษัทประกันฯ จะจ่ายให้เมื่อเกิดความเสียหายตามด้านต่าง ๆ ที่ได้ระบุไว้ในกรมธรรม์ ว่าเป็นจำนวนเงินที่พึงพอใจแล้วหรือยัง
คนขับรถยนต์
พิจารณาพฤติกรรมของผู้ที่เป็นผู้ขับรถยนต์ว่าเป็นคนขับรถยนต์เร็วหรือไม่ มีประวัติขับรถยนต์เฉี่ยวชนหรือเกิดอุบัติเหตุถี่แค่ไหน และมีสถานภาพโสดหรือมีครอบครัวแล้ว เพราะคุณสมบัติเหล่านี้มีผลต่อการพิจารณาความคุ้มครองและเบี้ยประกันทั้งสิ้น
เช็คเบี้ยประกัน
หากเจอความคุ้มครองที่รู้สึกว่าถูกใจแล้ว ต้องไม่ลืมที่จะเช็คเบี้ยประกันและคำนวณค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ว่าค่าใช้จ่ายของคุณในแต่ละเดือนจะเหลือเท่าใด เมื่อต้องจ่ายเบี้ยประกันรถยนต์แล้ว จะเหลือเงินเพียงพอต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมาก-น้อยแค่ไหน หากรู้สึกว่ายอดชำระเกี่ยวกับประกันรถยนต์นั้นสูงกว่า 30% ของรายได้ประจำ ก็แนะนำให้ลองพิจารณาแผนความคุ้มครองแบบอื่นๆ น่าจะเหมาะสมกว่า